วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

โอดรายได้ไม่พอเลี้ยงลูกแฝด 3 วอนคนใจบุญช่วยค่านม

เลย - สองสามีภรรยายังหนุ่มสาววัย 17-18 ปี ชาวเมืองเลย โอดคลอดลูกแฝด 3
รายได้ไม่พอซื้อนมเลี้ยงลูก ต้องใช้นมผงวันละกระป๋องตกกระป๋องละกว่า 200
บาทขณะที่รายได้รับจ้างรวมกันทั้งครอบครัวไม่ถึง 300 บาท
วอนผู้มีใจบุญช่วยเหลือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีชาวบ้าน บ้านกลาง ต.หนองหญ้าปล้อง
อ.วังสะพุง จ.เลย ได้มี 2 สามีภรรยาอยู่บ้านกลาง ต.หนองหญ้าปล้อง
อ.วังสะพุง จ.เลย คลอดลูกแฝด 3 เป็นชายล้วน ฐานะความเป็นอยู่ไม่ดี
เดือดร้อนหนัก หาเงินซื้อนมเลี้ยงลูกแฝด 3 ไม่ไหว
อยากขอความช่วยเหลือจากผู้มีบุญช่วยเรื่องของนมลูก

ผู้สื่อข่าวจึงไปที่บ้านกลาง ต.หนองหญ้าปล้อง อ.วังสะพุง
บ้านเลขที่ 128 หมู่ 1 บ้านกลาง ซึ่งเป็นบ้านของนายวีระศักดิ์
เสี้ยวภูเขียว อายุ 18 ปีผู้เป็นสามี เมื่อไปถึงก็พบ น.ส.ชมภู
เชื่อช่างเหล็ก อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นมารดาของลูกแฝด 3 พร้อมด้วยนางกรรลิกา
เสี้ยวภูเขียว แม่ยาย และญาติช่วยกันเลี้ยงเด็กแฝดทั้ง 3 ซึ่งมีอายุได้ 3
เดือนเศษและนายจีระศักดิ์ เสี้ยวภูเขียว พ่อลูก 3 ด้วยความวุ่นวาย
ทุลักทุเล

นางชมพู เชื้อช่างเหล็ก เล่าว่า ลูกทั้ง 3 คนเป็นชายล้วน
คลอดที่โรงพยาบาลจังหวัดเลย เมื่อวันที่ 10 เม.ย.52
โดยแพทย์ได้ทำการผ่าออก เนื่องจากยังไม่ครบกำหนดคลอดและลูกทั้ง 3
ซึ่งเป็นผู้ชายล้วน อยู่ในการดูแลของทางโรงพยาบาลเป็นเวลาเดือนครึ่ง
เมื่อออกจากโรงพยาบาลก็มาอยู่ที่บ้านที่บ้านศรีบุญเรือง ต.วังสะพุง
อ.วังสะพุง แต่ก็อยู่ไม่ได้ เพราะที่บ้านไม่มีคนช่วยเลี้ยง
แม่ก็พิการเป็นอัมพาต จึงต้องเอาลูกทั้ง 3 มาอยู่ที่บ้านสามี
เพื่อให้แม่ยายและญาติทางสามีช่วยเลี้ยง

ตอนนี้มีปัญหาในเรื่องของนมลูกทั้ง 3
ฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัวก็ไม่ดี
ทุกคนต้องออกหารับจ้างหาเงินมาซื้อนมให้ลูกทั้ง 3 กิน
วันหนึ่งตกวันละกระป๋อง กระป๋องหนึ่งก็ 200 กว่าบาทเป็นภาระหนักมาก
การเลี้ยงดูเด็กทั้ง 3 ค่อนข้างมีปัญหา
เนื่องจากยังใหม่และอายุของแม่นั้นก็ยังนั้นแค่ 17 ปี ไม่มีประสบการณ์
เวลาที่เด็กนั้นร้องพร้อมกันทั้ง 3 คน จะมีญาติและเพื่อนบ้านของสามี
ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงนั้น มาช่วยกันเลี้ยง

นางชมพู กล่าวว่า
สิ่งที่ตนและครอบครัวต้องการความช่วยเหลือเป็นอย่างมากในตอนนี้
คือนมผงสำหรับเด็ก เพราะตนไม่มีนมให้ลูกกิน
ทุกวันนี้คนในครอบครัวก็ต้องออกหาเงินมาซื้อนมให้ลูกและหลาน ทั้ง 3 คน
รายได้ทั้งครอบครัว พ่อแม่ ปู่ยา รวมกันไม่น่าจะถึง 300 กว่าบาท
แต่ลูกทั้ง 3 คนนั้น ต้องกินนมมวันละกระป๋องประมาณ 250-270 บาทต่อวัน
ยังไม่รวม ค่าใช้จ่ายอื่นๆ

ส่วนอุปกรณ์ด้านอื่นๆ นั้นก็ได้รับบริจาค จากคนที่ทราบข่าวเช่น
ผ้าอ้อมเก่าๆ ที่เคยใช้มาแล้ว จากเพื่อนบ้าน
ตนและสามีไม่รู้จะรับสภาพนี้ไปได้นานสักแค่ไหน
ค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่ารายได้เป็นเท่าตัว อยากวอนคนใจบุญช่วยเหลือด้วย

สำหรับ เลขที่บัญชีที่สามารถโอนเงินบริจาคช่วยเหลือค่าใช้จ่ายเลี้ยงลูกของนางชมพู
ชื่อบัญชี นางสาวชมพู เชื้อช่างเหล็ก ธนาคาร กรุงไทย สาขาเลย 4030305008
บัญชี ออมทรัพย์

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000082677

สมาชิก กบข.เลยจี้รัฐแก้ปัญหาตามข้อเรียกร้อง - ขู่ฟ้องศาลยุบกองทุนคืนเงินสมาชิก

เลย - สมาชิก กบข เลยกว่า 500 คนเขียนใบลาออก พร้อมเครือข่ายทั้งจังหวัด
หากนายกฯเมินการแก้ไขปัญหา ขู่หากไม่ดำเนินการตามข้อเรียกร้อง สมาชิก
กบข.ทั่วประเทศจะยื่นฟ้องต่อศาลให้ยกเลิกกองทุนและคืนเงินแก่สมาชิก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00น.วันนี้ (22 ก.ค.)
ที่หอประชุมขุมทองวิไล ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เดินทางบรรยาย
เพื่อให้ความรู้และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ (กบข.)
และร่วมตอบคำถามสมาชิก รวมถึงรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ
ของสมาชิกเพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงวิธีการทำงาน

โดยมีกลุ่มคัดค้านและสมาชิกที่เดือดร้อนจากปัญหากองทุน
มาถือป้ายผ้า ประท้วงอยู่บริเวณ ด้านหน้าของหอประชุม

นายอุทร พินิจมนตรี แกนนำและผู้ประสานงานองค์กรเครือข่าย สมาชิก
กบข.จังหวัดเลย กล่าวว่า
ในวันนี้ทางกลุ่มองค์กรผู้ประสานงานองค์กรเครือข่าย สมาชิก
กบข.จังหวัดเลย ได้มาเรียกร้องสิทธิ์จากการบริหารของ กบข ที่ผิดพลาด
ด้านนโยบายและมีการยื่นหนังสือ ดังกล่าวไปยังตัวแทน กบข ที่มา บรรยาย
โดยมีข้อเรียกร้อง ดังต่อไปนี้

1. ให้แก้หลักเกณฑ์การคำนวณเงิน กบข. ตามมาตรา 63
และมาตราที่เกี่ยวข้องในสูตรการคำนวณเป็น อัตราเงินเดือนเดือนสุดท้าย คูณ
เวลาราชการ หารด้วย 50

2. กรณีสมาชิก กบข. ถึงแก่ความตาย
เพิ่มเติมให้มีสิทธิ์ได้รับเงินประเดิม เงินชดเชย
และผลประโยชน์ตอบแทนอื่นอีกด้วย

3. ให้สมาชิก กบข.
สามารถลาออกจากการเป็นสมาชิกได้และมีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญ เงินสะสม
เงินสมทบ เงินประเดิม เงินชดเชย
และผลประโยชน์ตอบแทนอื่นตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด

4. ให้หลักเกณฑ์การคำนวณบำนาญ กบข. ใหม่มีผลย้อนหลัง

5. ให้คณะกรรมการ กบข. คืนเงินที่ขาดหายไปแก่สมาชิกพร้อมดอกเบี้ย

6. หากยังไม่ดำเนินการตามข้อเรียกร้อง 1-5 สมาชิก กบข.
ทั่วประเทศจะดำเนินการดังนี้ คือ งดส่งเงินเข้ากองทุน (กบข.)
,ยื่นใบลาออกเพร้อมกัน ,สมาชิก กบข. ทั่วประเทศจะยื่นฟ้องต่อศาล
,ขอให้ยกเลิกกองทุนและคืนเงินแก่สมาชิก

นายอุทร กล่าวต่ออีกว่า สมาชิก กบข
ที่อยู่ในส่วนของครูนั้นทั้งจังหวัดเลยมีอยู่ประมาณ 5,000 คน
วันนี้ทางสมาชิกได้รับการเดือดร้อน จากพ.ร.บ. กองทุน ซึ่งเอาเปรียบสมาชิก
ทางแกนนำก็อยากให้มีการแก้ไข ซึ่งมาผลจากมาตร 63 ทำให้ การรับบำนาญน้อยลง
มีปัจจัยกับค่าครองชีพของ สมาชิก ทุกคนที่มา ณ
จุดนี้อยากลาออกจากการเป็นสมาชิก เราไม่เอาเงินสมสมทบก็ได้
แต่ให้เอาเงินสะสม ของเราคืนมา เราพร้อมที่จะลาออกอยู่แล้ว

แต่วันนี้เขาไม่ให้เราลาออก เพราะเหตุผลใดก็อยากให้มีแก้ไข
หากไม่ให้เราลาออกก็ให้แก้ไขกฏหมาย อย่างน้อย ร้อยละ 90
หรือเงินเดือนเดือนสุดท้าย หารด้วย 50 เต็มก็ยิ่งดี
เพราะเงินก้อนนี้เป็นเงินของสมาชิก ที่เอาไปลงทุน หากไม่นำไปลงทุน
ก็ควรแก้ให้พวกเราด้วย สมาชิกเดือดร้อนจริง

สมาชิกที่เลยนั้น เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับกลุ่มและคอยผลักดัน ณ
วันนี้มาการรวบรวมใบลาออก จาก กขบ นั้นมาอยู่ที่ผมแล้วเป็นจำนวนมาก
เกือบทุกหน่วยงาน พร้อมไปยื่นที่กระทรวงการคลังและนายกรัฐมนตรี
ซึ่งท่านรับปากไว้ และหลังจากนี้ไป และจากการที่รัฐบาลบอกว่า 60 วัน
จะดำเนินการแก้ไขให้ ในช่วงนี้ทางกลุ่มก็จะมีการขับเคลื่อนไปเรื่อยๆ
เพื่อไม่ให้เขาลืมว่า สิ่งที่พวกเรายื่นไปนั้น ให้ดำเนินการ
หากไม่ได้คำตอบที่จะมีการยื่นฟ้องศาลปกครอง และไม่จบแน่นอน
ทางสมาชิกจะดำเนินการจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

นักธุรกิจอีสานปลุกชีพกระเช้าขึ้นภูกระดึง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 กรกฎาคม 2552 15:57 น.

รูปแบบโครงการกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง ที่เคยมีการเผยแพร่สู่สาธารณชน
เลย-หอ การค้าอีสานหนุนสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง
อ้างตัวเลขรายได้ที่คาดว่าจะฟันจากนักท่องเที่ยวที่รักความสะดวกสบายอย่าง
น้อย 200 ล้านบาท/ปีเป็นตัวการันตีการลงทุน
อดีตประธานหอเมืองเลยพ้อเสียดายรัฐบาล
นช.แม้วหนุนอยู่แล้วแต่ดันล้มเสียก่อน ด้านนักอนุรักษ์ฯติง
"ภูกระดึง"เป็นของคนไทยทุกคน
ก่อนตัดสินใจต้องถามคนทั้งประเทศที่สำคัญต้องให้ทุกภาคส่วนสังคมมีส่วนร่วม
ลงมติ

โครงการสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง เงียบหายไปหลายปี
หลังจากมีหลายฝ่าย โดยเฉพาะนักอนุรักษ์ องค์กรภาคเอกชน
ได้ออกมาท้วงติงถึงความไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
ไม่ว่าจะเป็นการทำลายทัศนียภาพของแหล่งท่องเที่ยว ทำลายทรัพยากรป่าไม้
ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม เมื่อ เร็วๆนี้ ในการประชุม
คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 1/2552
ที่โรงแรมภูดารารีสอร์ท อ.ภูเรือ จ.เลย ของหอการค้าไทย ที่มีนายสมชัย
ไกรครุฑรี กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย ประธานหอการค้า
จังหวัดอุดรธานี เป็นประธาน และมี นายอุดมศักดิ์ จรกิจ
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการบริษัท
ทิพยประกันภัย จำกัด(มหาชน) อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และ
ตัวแทนหอการค้าทั้ง 19 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าร่วมประชุมนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งของการประชุม ประเด็น
หนึ่งที่มีการหยิบยกขึ้นมาหารือในที่ประชุม คือ
กรณีโครงการลงทุนก่อสร้างกระเช้าภูกระดึง
ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมบางส่วนแสดงความเห็นให้การสนับสนุน
และมีหลายรายที่ไม่เห็นด้วย

นาย สุเครื่อง บุรินทร์กุล อดีตประธานหอการค้าจังหวัดเลย
กล่าวว่าในฐานะที่ตนผลักดันโครงการสร้างกระเช้าภูกระดึงมาตั้งแต่ปี พ.ศ.
2549 อยากจะขอความร่วมมือ
คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือช่วยสนับสนุนโครงการ
ก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นอุทยานแห่งชาติภูกระดึง
ถือเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องที่มีการนำเสนอต่อรัฐบาลเมื่อปีพ.ศ.2549
สมัยรัฐบาลทักษิณไปแล้ว
ทั้งนี้รัฐบาลทักษิณมีท่าทีให้การสนับสนุนโครงการดังกล่าว
แต่เสียดายที่ล้มไปเสียก่อน


ดังนั้น ในฐานะอดีตประธานหอการค้าเลยและตัวแทนภาคเอกชนในพื้นที่
จึงขอรับการสนับสนุนจากคณะกรรมการชุดนี้ให้ช่วยผลักดันโครงการนี้ต่อ
ซึ่งค่าก่อสร้างในปัจจุบันประเมินแล้วจะอยู่ในราว 600 ล้านบาท
และหากสร้างเสร็จและเปิดบริการนักท่องเที่ยว
จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่จังหวัดเลย ได้ปีละ 200 ล้านบาท

"ผมเชื่อว่าโครงการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงจะไม่ได้รับการต่อต้าน
จากคนในท้องถิ่น หรือกลุ่มอนุรักษ์แต่อย่างใด
เพราะมีแต่ผลดีต่อเศรษฐกิจท่องเที่ยวของจังหวัดเลย"นายสุเครื่องกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาย
หลังที่นายสุเครื่องเปิดประเด็นโครงการก่อสร้างกระเช้าภูกระดึง
และตัวแทนหอการค้าหลายท่านได้แลกเปลี่ยนความเห็น
ในที่สุดในที่ประชุมก็ได้เห็นพ้องที่จะร่วมกันผลักดันให้มีการก่อสร้าง
โครงการดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายประยงค์ อัฒจักร
ประธานมูลนิธิเลยเพื่อการอนุรักษ์พัฒนาอย่างยั่งยืน
แสดงความเห็นต่อภาคธุรกิจเอกชนที่พยายามผลักดันโครงการก่อสร้างกระเช้าขึ้น
ภูกระดึงดังกล่าวอีกครั้งว่า มูลนิธิฯไม่คัดค้าน
แต่ก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ก็ตาม
อยากให้เปิดโอกาสให้ชาวจังหวัดเลยทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินว่า
จะให้มีกระเช้าหรือไม่
โดยนำเอาข้อมูลที่เป็นจริงออกมาเปิดเผยให้ทุกคนทราบ
และข้อมูลเหล่านั้นต้องเข้าถึงชาวเลยจริงๆ
โดยเฉพาะผลการศึกษาเปรียบเทียบผลได้ผลเสียที่จะเกิดขึ้น
ทั้งในประเด็นผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ผลกระทบด้านเศรษฐกิจท้องถิ่นและผลกระทบด้านสังคมทั่วไป

" ภูกระดึงไม่ใช่ของคนจังหวัดเลยเพียงเท่านั้น
ทุกคนในประเทศนี้ต่างเป็นเจ้าของร่วม
ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องออกมาแสดงความคิดเห็น
ถกเถียงกันในวงกว้างให้รอบด้านทุกประเด็น
เมื่อผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของสังคมนี้ไปแล้วค่อยว่ากันอีกทีว่าควรจะมี
การผลักดันโครงการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงหรือไม่ จังหวัดเลย
เปรียบเสมือน เพชร ที่ยังไม่ได้เจียระไน มีทรัพยากรธรรมชาติ
ที่อุดมสมบูรณ์ และภูกระดึง
เป็นหนึ่งในสถานที่ทางธรรมชาติในไม่กี่แห่งในประเทศไทย
ที่ทุกคนปรารถนาว่าครั้งหนึ่งในชีวิต ต้องมาเยือนให้ได้"นายประยงค์กล่าว

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

พระราชทานเพลิงศพทหารกล้าเมืองเลยพลีชีพที่ภาคใต้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 กรกฎาคม 2552 19:20 น.
เลย-แม่ทัพภาค 2 เป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ ทหารกล้า ร้อยตรีกฤษฏา
เฮียงหล้า เสียชีวิตจากเหตุลอบวางระเบิดขณะปฏิบัติหน้าที่ชุดเฉพาะกิจชุดคุ้มครองครู
ที่ปัตตานี

เมื่อเวลา 16.30 น.วันนี้(4 ก.ค.) พลโท วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล
แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางเป็นประธานในงานพระราชทานเพลิงศพ ร้อยตรีกฤษฏา
เฮียงหล้า ทหารกล้าที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ณ วัดศรีสุทธาวาส พระอารามหลวง อ เมือง จังหวัดเลย โดยนายมานิตย์ มกรพงศ์
ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พลตรีชาญชัย ภูม่วง พลตรีวีรพงษ์ คงเกษม ร่วมพิธี

ร้อยตรีกฤษฎา เฮียงหล้า (พลทหารเก่าได้เลื่อนชั้นยศ)
เกิดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2532 ภูมิลำเนาบ้านเลขที่ 27 หมู่ 8
ตำบลปากปวน อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย
เสียชีวิตจากเหตุลอบวางระเบิดขณะปฏิบัติหน้าที่สังกัดหมวดปืนเล็กที่ 2
ร้อย 8011 เฉพาะกิจปัตตานี 25 ชุดคุ้มครองครูบริเวณบ้านสามแยกบ้านบาโง
หมู่ 1 ตำบลปานัน อำเภอบายอ จังหวัดปัตตานี และเสียชีวิต เมื่อวันที่ 30
มิถุนายน 2552

จากนั้นพลโท วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 มอบธงชาติ
เพื่อเป็นเกียรติ สดุดีทหารกล้า ให้แก่ญาติ พร้อมมอบเหรียญบางระจันทร์
และมอบเงินบำรุงขวัญจาก ผู้บัญชาการทหารบก โดยในงานพระทานเพลิงศพ
ร้อยตรีกฤษฎา เฮียงหล้า ครั้งนี้มีประชาชน ทหาร จำนวนมากร่วมงาน


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000075866

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

สสส.ร่วมมูลนิธิเลยฯ จัดงานรณรงค์พัฒนาพลังงานทางเลือกในชุมชน

เลย - สสส.จับมือมูลนิธิเลยฯ จัดงานพลังงานชุมชนภาคอีสาน พลังงานทดแทน
ลดภาวะโลกร้อน หวังเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจการวางแผนพลังงานชุมชน
การพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสม
และการทำพลังงานทางเลือกในชุมชนแบบพึ่งตนเองในระยะยาว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (29 มิ.ย.)
นายบุญเลิศ ลันทนา ปลัดอาวุโสอำเภอภูหลวง รักษาการแทนนายอำเภอภูหลวง
เดินทางเป็นประธานเปิดงาน พลังงานชุมชนภาคอีสาน โดยมีนายประยงค์ อัฒจักร
เลขาธิการมูลนิธิเลยเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืน ให้การตอนรับ

การจัดงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจาก สสส. มูลนิธินโยบายสุขภาวะ
มูลนิธิเลยเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืน
ประสานความร่วมมือกับองค์กรภาคี
ผู้ดำเนินงานกิจกรรมพัฒนาแนวทางพลังงานทางเลือกชุมชน
จัดงานมหกรรมมหกรรมพลังงานชุมชนอีสาน ขึ้น ณ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติภูหลวง
บ้านศรีเจริญ ตำบลเลยวังไสย์ อ.ภูหลวง จังหวัดเลย

นายประยงค์ อัฒจักร
เลขาธิการมูลนิธิเลยเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืน
ระบุว่าการจัดงานครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญ
เพื่อแสดงเทคโนโลยีและการจัดการพลังงานชุมชนที่หลากหลาย
ให้ชุมชนที่สนใจสามารถเริ่มดำเนินการได้ด้วยตนเอง
เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านพลังงานชุมชน
และสื่อสารเผยแพร่เรื่องพลังงานชุมชนสู่สังคม

กระบวนการดำเนินงานชุดโครงการสนับสนุน จัดการความรู้ และประเมินผล
โครงการวิจัยและพัฒนา "พลังงานทางเลือกชุมชน"ที่ผ่านมา
มูลนิธินโยบายสุขภาวะ
ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ซึ่งคาดหวังว่าหลังจากเสร็จสิ้นโครงการชุมชนในภาคอีสานและบุคลทั่วไปจะได้
รับความรู้และความเข้าใจในการวางแผนพลังงานชุมชน
การพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสม และการทำพลังงานทางเลือกในชุมชนแบบพึ่งตนเอง

ขณะ เดียวกันจะนำไปสู่เกิดขึ้นของเครือข่ายการเรียนรู้พลังงานทางเลือกในภาค
อีสาน ร่วมมือพัฒนาเป็นนโยบายสาธารณะของพลังงานทางเลือกชุมชน
และสาธารณชนได้เรียนรู้ประสบการณ์ และความรู้ของบุคคลและชุมชน
ในการทำพลังงานทางเลือกในชุมชนได้อย่างต่อเนื่อง

ภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการฐานความรู้ด้านพลังงานทางเลือก เช่น
รถยนต์พลังงานน้ำ ไบโอดีเซล โรงอบยางพลังงานแสงอาทิตย์ ก๊าซชีวภาพ
เตาแก๊สพลังงานแกลบ เตาชีวมวล จักรยานสีถั่ว สีข้าว เครื่องตะบันน้ำ
กังหันปั่นน้ำ กังหันพลังงานลม เตาอบพลังงานแสงอาทิตย์ ไบโอแก๊ส
หลากหลายทคนิควิธีการการนำพลังงานทางเลือกมาใช้ในชีวิตจริง
งานนี้ผู้ที่สนใจเต็มอิ่มกับความรู้ตามแนวทางพลังงานทางเลือก

อีกทั้งการจัดงานภายในศูนย์กสิกรรมธรรมชาติทำให้ผู้ที่สนใจได้รับความรู้แนวทางการหลักกสิกรรมธรรมชาติเป็นองค์ความรู้แถมอีกด้วย

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000073257

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ผีตาโขน 52 ออกอาละวาดแล้วที่เมืองเลย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มิถุนายน 2552 22:37 น.
เลย-งานบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขนประจำปี 2552 ที่อำเภอด่านซ้าย จ.เลย
เริ่มแล้ว ท่ามกลางนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าชมอย่างคับคั่ง

วันนี้(27 มิ.ย.) ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
นายมานิตย์ มกรพงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย
เป็นประธานเปิดงานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน ประจำปี 2552
โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก
หนาตากว่าทุกปี

นายพิสุทธิ์ บุษยพรรณพงษ์ นายอำเภอด่านซ้ายกล่าวว่า
งานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน
เป็นงานบุญประเพณีสำคัญของชาวอำเภอด่านซ้าย ซึ่งเป็นการนำเอางานบุญบั้งไฟ
หรือ ฮีตเดือนหก และงานบุญพระเวส หรือฮีตเดือน 4 รวมเข้าเป็นงานเดียวกัน
เพื่อให้ชาวบ้านได้ฟังเทศน์มหาชาติทั้ง 13 กัณฑ์
ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับอนิสงส์แรงกล้า

ทั้งนี้การจัดงานมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานศิลป
วัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น
เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดความรัก ความสามัคคีของชาวอำเภอด่านซ้าย
และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจของท้องถิ่น

ภายในงานมีแสดงขบวนแห่ผีตาโขน การแสดงศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น
นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน อาทิ หน่อไม้หวาน น้ำผักสะทอน
เห็ดหอม ฟักหอม ไม้ดอกไม้ประดับและของที่ระลึก
และที่บริเวณตลาดเย็นเทศบาลตำบลด่านซ้าย จัดให้มี "มหกรรมอาหารสะอาด
รสชาติอร่อย" มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นและมีมหรสพให้ชมฟรีทุกคืน


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000072808

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ปภ.เลยจับตา 97 หมู่บ้านเสี่ยงน้ำป่าซัด-ดินถล่ม

เลย - ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเลย เฝ้าระวัง 97
หมู่บ้านเสี่ยงเจอน้ำป่า-ดินถล่ม ตั้งมิสเตอร์เตือนภัยกว่า 800
คนดูแลสถานการณ์ฉุกเฉิน

ผู้สื่อข่าวรายงงานว่า นายสุเทพ มณีโชติ
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเลย กล่าวว่า
จากการที่เข้าสู่ฤดูฝนมาแล้วนั้น ในจังหวัดเลยสภาพภูมิประเทศกว่าร้อยละ
80 เป็นภูเขา ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยและดินโคลนถล่ม
ซึ่งจากการสำรวจของทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเลย
พบหมู่บ้านที่มีความเสี่ยงจำนวน 97 หมู่บ้าน จาก 8 อำเภอ 26 ตำบล
ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ ต.กกสะทอน ต.โคกงาม และ ต.ด่านซ้าย
อ.ด่านซ้าย นับตั้งแต่เข้าสู่ฤดูฝนเป็นต้นมา
ได้เกิดเหตุน้ำป่าพัดเข้าหมู่บ้านในตำบลดังกล่าวมาแล้ว

โดยเฉพาะตำบลกกสะทอน ซึ่งเป็นต้นน้ำป่าสัก มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
และนอกจากนี้พื้นที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือ ต.เลยวังใส อ.ภูหลวง
ซึ่งเป็นแหล่งต้นแม่น้ำเลย เพราะมีหมู่บ้าน และโรงเรียนอยู่ในหุบเขา
เคยเกิดเหตุน้ำป่าเข้าท่วมหมู่บ้านเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำฝนสะสมตั้งแต่ช่วงต้นฤดูมาถึงขณะนี้
ยังถือว่ามีน้อยกว่าปีที่ผ่านมา จึงไม่น่าเป็นห่วงเท่าที่ควร
แต่เพื่อความไม่ประมาท
ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเลยได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่น และฝ่ายปกครองของแต่ละอำเภอ
ทำการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุน้ำป่าและดินโคลนถล่มไปแล้ว
และนอกจากนี้ยังมีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่แจ้งเหตุประจำหมู่บ้าน
หรือมิสเตอร์เตือนภัยทั้งจังหวัดแล้วจำนวน 800 คน

พร้อม ทั้งได้มอบเครื่องมือวันปริมาณน้ำฝน
และไซเรนแบบมือหมุนให้พื้นที่เสียงภัยทั้ง 97 หมู่บ้านด้วย
จึงเชื่อมั่นว่าทุกฝ่ายมีความพร้อมรับสถานการณ์ได้
และลดการสูญเสียอย่างมีประสิทธิภาพ